จาก CableCARD สู่ AllVid
จดไว้เป็นข้อมูลอ้างอิง เผื่อในอนาคตจะเห็นการกำกับดูแล content ใน digital tv ของเมืองไทยบ้าง
FCC กำลังจะเปลี่ยนมาตรฐาน CableCARD ซึ่งเป็นหัวต่อจาก DTV หรือเคเบิลทีวี มายังอุปกรณ์อื่นๆ เช่น PC โดยตรง ไม่ต้องผ่าน set-top box ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ fail และกำลังจะมาใช้อันใหม่ที่เรียกว่า AllVid
จาก Wikipedia บอกว่า กูเกิลประกาศสนับสนุน AllVid เต็มที่ ให้เดา นี่มันเป็นการ liberate ตัวเนื้อหาออกจาก set-top box ของ cable provider อย่างหนึ่ง
ที่เหลือลองอ่านใน Ars
Future of Content? ยาฮูกำลังปรับตัวจาก Aggregator เป็น Content Producer
Jimmy Pitaro (Media Vice President) จากยาฮู ให้สัมภาษณ์กับ Forbes
สรุปว่า Yahoo! ซึ่งเป็น portal รายใหญ่ของโลก (อันนี้คงเน้นเฉพาะตลาด us) จากเดิมใช้วิธี aggregate เนื้อหาจากที่อื่น (เช่น AFP) มาแสดงบนหน้าเว็บ และทำเงินจากค่าโฆษณาของคนที่เข้ามาอ่านข่าวใน portal (ซึ่งเป็นโมเดลมาตรฐานของ portal เดิม) แต่ตอนนี้ portal เริ่มลดความสำคัญลง เพราะคนแชร์ลิงก์ข่าวใน FB/Twitter ทำให้ Yahoo! ต้องปรับตัวใหม่
ยุทธศาสตร์ที่ Yahoo! ใช้คือสร้างเนื้อหาของตัวเอง โดยจ้าง news editor/blogger มาเขียนเนื้อหาสำหรับเรื่องฮิตๆ เช่น กีฬา บันเทิง ข่าว ฯลฯ เพื่อสร้าง originality ของตัวเอง และเปิดโอกาสให้โฆษณาเข้าได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแบนเนอร์หรือโฆษณาผ่านเนื้อหา
ทิศทางนี้ไปในทางเดียวกับ AOL และ Demand Media
ก. ต่างประเทศสหรัฐ เริ่มสนใจเรื่องการจ่ายเงินผ่านมือถือ
State Department Sets Out to Figure Out Mobile Money – Tech President
Elana Berkowitz is part of the Innovation Office working under Secretary Clinton, newly assigned to State after a stint helping to write the National Broadband Plan at the FCC. She describes the promise of mobile banking as part of a broader State effort at increasing financial inclusion around the globe. “For us, part of the potentially transformative impact of mobile money is that we have so many people around the world who don’t have formal bank accounts, or formal financial identities,” she says, “and yet we’re seeing such an explosion in mobile in the world, to the point where there are 1.7 billion people who don’t have access to financial services, but do have access to a mobile phone.”
Mobile finance is one aspect of the State Department’s high-tech push where other in-depth is being done around the world, inside and outside government. The Gates Foundation and USAID recently announced a $10 million new fund to figure out how mobile banking might help in the rebuilding of post-earthquake Haiti. And on Tuesday, the Consultative Group to Assist the Poor, or CGAP, put out a report assessing ” Microfinance and Mobile Banking: The Story So Far.”
นอกจากเนื้อหาด้าน mobile finance แล้ว สิ่งที่น่าสนใจอีกประการคือ “ความก้าวหน้า” ของวิธีคิดของ ก. ต่างประเทศสหรัฐด้วย
Internet Trends 2010
สไลด์ชุดนี้ของ Morgan Stanley Research ดีมาก มีคนส่งของปีล่าสุดมาให้ดูก็ขอบคุณมากครับ
Walt Mossberg วิจารณ์แผน National Broadband Plan
แผนบรอดแบนด์แห่งชาติของสหรัฐ เคยถูกวิจารณ์ว่ามันหน่อมแน้มเกินไป สหรัฐดันแผนบรอดแบนด์ 4Mbps ทั่วประเทศในปี 2020, วุฒิสมาชิกบอกช้าไป
ข่าวเพิ่มเติมคือ Walt Mossberg แห่ง WSJ ก็ออกมาวิจารณ์มันเหมือนกัน โดยเขาบอกว่าเป็นเรื่องดีที่สหรัฐมี broadband plan เป็นครั้งแรก แต่มันก็ไม่ค่อยทะเยอทะยานเท่าไร
“For the first time the FCC has come up with a broadband policy so yes, that’s progress,” Mossberg said. “I don’t think it’s very strong, and I think a lot of it is just suggestions and kind of pretty vague. So I wish it were tougher. But I also understand there are a lot of other important issues that the president and congress have to worry about right now.”
Mossberg บอกว่าสนับสนุนแผนที่ แต่ประเด็นที่ยังไม่ดีพอคือ speed และ cost
“There are plans and services that are sold in this country as broadband which wouldn’t even be allowed to be labeled broadband in a lot of other countries they’re so slow,” Mossberg said. “And yet, at the very same time we pay more per unit of broadband speed than anyone else. So there’s something wrong in my opinion.”
FCC เปลี่ยนวิธีการตรวจวัด broadband coverage ในสหรัฐใหม่
FCC จะต้องออกรายงาน broadband competitiveness ของสหรัฐเป็นประจำทุกปี
วิธีการตรวจวัดคือเช็คตาม zip code โดยดูว่าบ้าน 1 บ้าน (สุ่มมา) ในเขต zip code นั้นเข้าถึง broadband หรือไม่ ถ้ามีก็ถือว่าเขตนั้นผ่าน ซึ่งเป็นวิธีที่โดนด่ามานานมาก (ตั้งกะ 2006) ว่ามันหยาบสุดๆ
ตอนนี้ FCC ยอมเปลี่ยนวิธีการตรวจวัดแล้ว และยกเกณฑ์นับ broadband จากเดิมขั้นต่ำ 200 Kbps มาเป็น 4 Mbps downlink กับ 1 Mbps uplink
ในแง่ผู้บริโภคและประชาชน เป็นเรื่องดี
แต่มีคนเสียประโยชน์คือ operator เพราะเดิม FCC ตรวจแบบหยาบๆ ทำให้ซุกประเด็นว่าพื้นที่ใดเข้าไม่ถึงบรอดแบนด์ได้ง่าย พอเปลี่ยนปั๊บ operator เลยออกมาโวยวาย ที่น่าสนใจคือคนโวย (ตามแบบสหรัฐ) เป็นวุฒิสมาชิกที่ได้รับการล็อบบี้จาก telco นั่นเอง
Spectrum Re-farming – Sprint Case
ช่วงหลังมาสนใจเรื่อง spectrum allocation เยอะขึ้น
แนวคิดหลักๆ ของ telecom regulation ในยุคใหม่ก็คือ spectrum มีจำกัดมาก เลยต้อง re-use กันเยอะขึ้น (ศัพท์ในวงการเรียก re-farming) กรณีที่ชัดคือ สหรัฐเตรียมเรียกคืนคลื่น 500 MHz สำหรับ Wireless Broadband
ส่วนอันนี้เป็นอีกกรณีของภาคเอกชนคือ Sprint ซึ่งถือครองคลื่นช่วงกว้าง 35MHz สำหรับ broadcast auxiliary service (BAS) หรือการส่งคลื่นกันเองระหว่างสถานีวิทยุ/ทีวี ซึ่งทาง Sprint ได้มีแผนยกเลิก BAS ตั้งแต่ปี 2005 โดยใช้วิธีการส่งข้อมูลแบบอื่น เพื่อจะเอา 35 MHz ไปทำประโยชน์อื่น (ซึ่งบอกว่าจะเป็น wireless broadband) ตอนนี้ทำเสร็จแล้ว ประกาศตัวเรียบร้อย
กฎหมายใหม่บราซิล การใช้ DRM อาจผิดกฎหมาย
บราซิลกำลังอัพเดตกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาใหม่ ความน่าสนใจคือมันมีแนวคิดล้ำๆ ที่ช่วยสนับสนุนผู้บริโภคเพิ่มเข้ามาด้วย ต่างจากกฎหมายลิขสิทธิ์ส่วนมากที่เอื้อเจ้าของลิขสิทธิ์มากกว่า
ใจความคือ กฎหมายฉบับนี้มีบทลงโทษผู้ที่ละเมิดสิทธิ์ “fair use” หรือ “public domain”
แปลให้ง่ายๆ คือใครขัดขวางการใช้งานเนื้อหาที่เป็น public domain มีความผิด ซึ่งกรณีที่เป็นไปได้คือเพลงที่ติด DRM เมื่อลิขสิทธิ์เพลงหมดอายุ กลายเป็น public domain แต่ DRM ยังคงอยู่ คนใส่ DRM ผิดกฎหมาย
ดังนั้นตามกฎหมายบราซิล ถ้าลิขสิทธิ์หมดอายุ DRM ต้องหมดอายุตามด้วย
ส่วนกรณี fair use ยิ่งไปกว่านั้นคือ ไม่ต้องรอลิขสิทธิ์หมด แต่ถ้าต้องการใช้สื่อนั้นในลักษณะ fair use เจ้าของ DRM ต้องมีช่องทาง “ปลด” DRM ให้
แต่กฎหมายนี้ก็ยังคุ้มครองเจ้าของสิทธิ์เช่นกัน โดยระบุว่าการปลด DRM เองโดยไม่ใช้เจ้าของลิขสิทธิ์ ก็ผิดกฎหมายด้วย
ที่มา – Ars
โอบามาอนุมัติงบ 795 ล้านดอลลาร์ ผลักดันบรอดแบนด์กระตุ้นเศรษฐกิจ
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา อนุมัติงบประมาณ 795 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 26,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนในโครงการที่เกี่ยวข้องกับบรอดแบนด์ของสหรัฐ 66 โครงการ
เงินจำนวนนี้มาจากงบประมาณการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2009 โดยสหรัฐหวังว่าเงินจำนวนนี้จะช่วยให้คนอเมริกาเข้าถึงอินเทอร์เน็ต บรอดแบนด์ได้อย่างเท่าเทียมกันมากขึ้น และมีผลช่วยให้ธุรกิจสหรัฐในอนาคตมีประสิทธิภาพขึ้นในระยะยาว
เป้าหมายทางเศรษฐกิจของโครงการนี้คือสร้างงาน 5,000 ตำแหน่ง และกระตุ้นการลงทุนจากภาคเอกชนอีก 200 ล้านดอลลาร์
ที่มา – CNN
leave a comment