รัฐสภาสหรัฐเข้ามาสนใจกรณี กทช. สหรัฐลาออกไปอยู่บริษัทโทรคมฯ
เป็นข่าว followup จาก ผลประโยชน์ทับซ้อนของ กทช. สหรัฐ
ความคืบหน้าล่าสุดคือ ส.ส. สหรัฐ (ในฐานะของกรรมาธิการของสภา) เข้ามาสอบสวนเรื่องนี้แล้ว โดยเริ่มจากส่งจดหมายไปยังประธาน FCC ขอให้ตอบคำถามในเรื่องนี้
สภาสหรัฐนี่มีอำนาจตรวจสอบสูงจริงๆ
จาก Ars
ผลประโยชน์ทับซ้อนของ กทช. สหรัฐ
Meredith Attwell Baker หนึ่งใน กทช. สหรัฐ (FCC) จากโควต้าของพรรครีพับลิกัน ประกาศแผนลาออกจาก กทช. เพื่อไปทำงานล็อบบี้ให้กับบริษัทเคเบิลทีวี Comcast-NBC
เมื่อต้นปี Comcast เพิ่งประกาศแผนการควบกิจการกับสถานีทีวี NBC ซึ่ง FCC ก็มีแผนจะกำหนดเงื่อนไขของการควบรวมให้เข้มงวดขึ้น เพื่อป้องกันการผูกขาด และตอนนั้น Meredith Attwell Baker ในฐานะกรรมการคนหนึ่งของ FCC ก็คัดค้านแผนการของ FCC โดยให้เหตุผลว่าการควบบริษัทเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค
และ 4 เดือนถัดมาหลัง FCC อนุมัติการซื้อกิจการ เธอก็จะเข้าทำงานกับ Comcast ซะอย่างนั้น
อย่างไรก็ตาม Meredith มีเงื่อนไขว่าไม่สามารถล็อบบี้งานสาย กทช. โทรคม และล็อบบี้ตัวรัฐบาลโอบามาได้ (ถ้าโอบามาได้เป็นอีกสมัยก็ไม่ได้) แต่สามารถไปล็อบบี้สภาคองเกรส (ซึ่งไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ FCC หรือรัฐบาล) ได้
แน่นอนว่างานนี้เธอก็โดนวิจารณ์อย่างมาก
ประเด็นการผูกขาดในกรณี AT&T ซื้อ T-Mobile
เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ ของข่าว AT&T ซื้อ T-Mobile ที่ยังไม่น่าจะจบง่ายๆ
สิ่งที่น่าสนใจคือ ตอนนี้ AT&T กับ T-Mobile ก็ถือครองคลื่นสำหรับให้บริการมือถืออยู่จำนวนหนึ่งอยู่แล้ว แต่คลื่นเหล่านี้ไม่ค่อยพอใช้สำหรับเครือข่ายที่ขยายตัวเร็วมาก โดยเฉพาะ 4G/LTE
ปี 2008 อเมริกาก็เพิ่งประมูลคลื่น 700Mhz ไปอีกชุดหนึ่ง (คลื่นชุดนี้มาจากการเปลี่ยนทีวีจาก analog > digital ทำให้มีคลื่นว่างเพิ่มอีกช่วงหนึ่ง) คลื่นชุดนี้แบ่งเป็นหลายบล็อค คนประมูลได้ก็มีหลายบริษัท (ทั้ง AT&T และ Verizon) ซึ่งในนี้มี Qualcomm ผู้ผลิตชิปไร้สายรวมอยู่ด้วย
ประเด็นอยู่ที่ว่า Qualcomm ประกาศจะแบ่งไลเซนส์คลื่นที่ประมูลได้ให้กับ T-Mobile (อเมริกาอนุญาตให้ขายหรือเช่าช่วงคลื่นได้ ของไทยยังไม่อนุญาตตาม พรบ กสทช ปัจจุบัน) อันนี้เจรจากันเรียบร้อยแล้ว คำถามที่ตามมาคือ ถ้า AT&T ซื้อ T-Mobile ได้ จะได้คลื่นชุดนี้ของ Qualcomm ไปด้วยหรือไม่?
AT&T อยากได้คลื่นชุดนี้เอาไปทำ LTE อยู่แล้ว แต่ก็มีกลุ่ม media reform หลายกลุ่มคัดค้านเพราะจะยิ่งทำให้ AT&T ผูกขาดคลื่นเข้าไปอีก
อันนี้เป็นหนึ่งในประเด็นที่ FCC (กทช สหรัฐ) ต้องพิจารณา สำหรับอนุมัติให้ AT&T ซื้อ T-Mobile ได้
จาก Ars Technica
FCC’s Net Neutrality Rule
ช่วงนี้มีเรื่องอื่นๆ ต้องสนใจเยอะมาก เลยไม่ได้ติดตามประเด็นเรื่องกฎของ Net Neutrality ที่ FCC เพิ่งประกาศออกมา เพิ่งได้อ่านตะกี้
กฎนี้มันดีครึ่งไม่ดีครึ่ง คือ ห้ามบล็อคทราฟฟิก แต่อนุญาตให้คิดราคาการใช้งานทราฟฟิกที่แตกต่างกันได้ (ต่างจากก่อนหน้านี้ที่ยังไม่มีกฎใดๆ) เลยกลายเป็นการอนุญาตให้การคิดเงินตามแอพพลิเคชัน-ชนิดของทราฟฟิกกลายเป้นเรื่องถูกกฎหมายไปแทน
แปะลิงก์
- ใจความหลัก Reuters สรุปไว้สั้นกระชับดี ได้ใจความ
- ปฏิกริยาตอบรับ อ่านจาก Why everyone hates new net neutrality rules—even NN supporters (Ars)
- ตะลึง! FCC ใช้กฎต่างกันระหว่าง wireline และ wireless ด้วยเหตุผลว่า wireless มี Android! – Engadget
- บริบทประกอบอื่นๆ (ยังไม่ได้อ่าน) FCC: Yup, we’re going to stop “paid prioritization” on the ‘Net จาก Ars
หมายเหตุ: บริบทของอุตสาหกรรม telco ในอเมริกาต่างจากของไทยอยู่พอสมควร เงื่อนไขอาจนำมาใช้แบบเดียวกันไม่ได้
FCC เตือน สเปกตรัมความถี่จะขาดแคลน
FCC หรือ กทช. อเมริกาออกเอกสารเตือนว่า ในปี 2014 ปริมาณทราฟฟิกของมือถือจะสูงกว่าปี 2009 ถึง 35 เท่า และจะทำให้สเปกตรัมความถี่สำหรับการสื่อสารไร้สายขาดแคลนอย่างหนัก
ทางออกของสหรัฐก็คือ นำความถี่ที่มีอยู่แล้ว และใช้ในกิจการอื่นๆ มาใช้สำหรับ mobile broadband เช่น ความถี่ที่สถานีโทรทัศน์ครอบครองแตไม่ได้ใช้งานอยู่ 120 MHz ส่วนอื่นๆ คือความถี่ที่ถูกหน่วยงานรัฐครอบครองอยู่
แผนของ FCC คือ ปลดปล่อยความถี่ 300MHz ในอีก 5 ปีข้างหน้า และอีก 200 MHz ใน 5 ปีถัดไป
ที่มา – Computerworld
Net Neutrality: Google and Verizon Case
เมื่อประมาณ 2 อาทิตย์ก่อน ข่าวใหญ่โตในสหรัฐคือแผน net neutrality ของ Google+Verizon แต่เผอิญช่วงนั้นยุ่งโคตร เลยไม่ได้อ่าน ดองลิงก์ไว้เป็นสิบ
วันนี้พอมีเวลาแล้ว สรุปไว้หน่อยก็ดี
เรื่องเริ่มต้นคือ Google+Verizon เสนอ “แผน net neutrality” ให้ FCC และรัฐบาล-รัฐสภาสหรัฐพิจารณา
- A joint policy proposal for an open Internet – Google Public Policy Blog
- บทความที่ Google+Verizon ส่งไปลงพิมพ์ใน Washington Post
- ตัวแผนจริงๆ (PDF)
เรื่องเหมือนจะดี เพราะเป็น “แผนสนับสนุนแนวทาง net neutrality” แต่มันเป็นเรื่องเพราะว่าในแผนมันแหม่งๆ หลายจุด จนหลายฝ่ายคิดว่า Google+Verizon เอาคำว่า “net neutrality” มาชู (ว่าตัวเองสนับสนุน) แต่เอาจริงแล้วยัดไส้สิ่งที่ตรงกันข้ามเข้ามา
อันที่สรุปไว้ดีคือ Engadget
Now, we don’t know for sure what happened, but we’ve got a theory: the proposal reads to us like Verizon’s basically agreeing to trade neutrality on its wired networks for the right to control its wireless network any way it wants
แยกประเด็นตามที่ Engadget สรุปไว้เก้าข้อ
ประเด็นที่เป็นบวกกับ net neutrality (ในความหมายของคนทั่วไป)
- Consumer protection – ISP ห้ามบล็อคทราฟฟิกใดๆ หรือจัดความสำคัญของทราฟฟิกใดๆ (ยกเว้น “เนื้อหาที่ผิดกฎหมาย”)
- Non-discrimination – ISP ห้ามกีดกันทราฟฟิกใดๆ เช่น กีดกันเนื้อหาจากคู่แข่ง
- Transparency – ISP ต้องเปิดเผยวิธีการจัดการทราฟฟิก (เช่น บล็อคบิตก็ต้องบอกว่าบล็อคบิต)
- Network Management – ISP สามารถบริหารจัดการทราฟฟิกได้ (แต่เฉพาะในเชิงเทคนิคเท่านั้น) โดยข้อนี้จะใช้คู่กับข้อ Transparency คือ “บริหารทราฟฟิกได้แต่ต้องเปิดเผยวิธีการให้รู้” อันนี้ดูสมเหตุสมผล
- Broadband access for Americans – พูดเรื่อง universal access อันนี้ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ
ประเด็นที่เป็นลบ (และเป็นปัญหา)
- Additional online services – ISP สามารถให้บริการใหม่ๆ ในอนาคตที่ไม่เกี่ยวกับอินเทอร์เน็ตได้ ข้อนี้เป็นปัญหาเพราะเปิดช่องให้ Verizon ขาย “internet plus” ที่ไม่แล็ค ไม่บีบบิต ฯลฯ เป็นพิเศษ จึงโดนโจมตีว่าเป็นอินเทอร์เน็ตส่วนตัว (private internet) และทำให้ข้อดีของอินเทอร์เน็ตเรื่อง public internet หายไป
- Wireless broadband – แผนการทุกข้อยกเว้นเรื่อง Transparency ครอบคลุมเฉพาะ wireline ไม่รวม wireless โดย Google+Verizon ให้เหตุผลว่า wireless เป็นทรัพยากรที่มีจำกัด ต้องการการบริหารจัดการอีกแบบ แต่คนทั่วไปมองตาม quote ข้างต้นว่า Verizon ยอมแลก wireline ให้เป็น neutral เพื่อให้ควบคุม wireless (ที่อนาคตไกลกว่ามาก) ได้
- Case-by-case enforcement – ข้อนี้เป็นการจำกัดอำนาจของ FCC ในการออกกฎเรื่อง net neutrality รวมถึงจำกัดค่าปรับของ FCC
- Regulatory authority – ข้อนี้เกี่ยวกับอำนาจในการดูแลอินเทอร์เน็ตของ FCC โดยบอกว่า FCC สามารถกำกับดูแล access แต่ไม่สามารถคุม content
ปฏิกริยาจากสื่ออเมริกัน เป็นลบเกือบหมด
- Salon ตีเรื่อง private internet และ wireless
- CrunchGear ตีเรื่อง private internet/wireless
- AllthingsD เน้นสองประเด็นนี้เช่นกัน
บทวิจารณ์ที่น่าสนใจมาจาก Huffington Post เขียนไว้ 5 ข้อ
- เรื่อง wireless
- วิจารณ์เรื่อง non-discrimination ว่าอ่อนเกินไป ISP สามารถใช้ข้ออ้างอื่นๆ เพื่อบล็อคบิตได้ไม่ยาก
- วิจารณ์ข้อ network management ว่าให้สิทธิ์ ISP เป็นคนตัดสินใจบริหารทราฟฟิกให้เรา โดยอ้างเรื่อง “คุณภาพในการให้บริการ” ได้
- เรื่อง private internet
- เรื่องการจำกัดอำนาจ FCC
กูเกิลออกมาแก้ข่าวผ่าน Public Policy Blog ดังนี้
- กูเกิลยังหนุน net neutrality อยู่ แต่รอภาครัฐไม่เกิดเสียที เลยจับมือกับ ISP รายใหญ่ไปพลางๆ
- เรื่อง wireless มีคุณสมบัติพิเศษ คือ 1) แข่งขันสูงกว่า wireline 2) ต้องใช้คลื่นความถี่ที่มีจำกัด 3) ปัจจุบันค่อนข้างเปิดกว้างอยู่แล้ว
- กูเกิลบอกว่า proposal นี่คลุมเฉพาะ wireline แต่ก็เชิญให้ FCC ลงมาจัดการ wireless เองสิ
- กูเกิลปกป้อง private internet โดยบอกว่าตอนนี้ก็มีแล้ว พวกเครือข่ายสำหรับเล่นเกม หรือบริการสาธารณสุข
ปฏิกริยาจาก FCC ออกมายังไม่ชัดเจนนัก
- หนึ่งในคณะกรรมการของ FCC บอกเพียงว่า FCC จะต้องกล้าตัดสินใจ และดูเรื่องขอบเขตอำนาจของ FCC (สรุปว่า FCC ไม่ค่อยเห็นด้วยกับแผน Google+Verizon) – TechCrunch
ปฏิกริยาอื่นๆ
- กลุ่มนักเคลื่อนไหวไปประท้วงกูเกิลที่สำนักงานใหญ่ – PC Mag
- EVP ของ Verizon ออกมาปกป้องแผนการ โดยยกข้อดีตามหลัก PR ทั่วไป – PC Mag
- คำวิจารณ์จาก EFF (ยังไม่ได้อ่าน)
จาก CableCARD สู่ AllVid
จดไว้เป็นข้อมูลอ้างอิง เผื่อในอนาคตจะเห็นการกำกับดูแล content ใน digital tv ของเมืองไทยบ้าง
FCC กำลังจะเปลี่ยนมาตรฐาน CableCARD ซึ่งเป็นหัวต่อจาก DTV หรือเคเบิลทีวี มายังอุปกรณ์อื่นๆ เช่น PC โดยตรง ไม่ต้องผ่าน set-top box ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ fail และกำลังจะมาใช้อันใหม่ที่เรียกว่า AllVid
จาก Wikipedia บอกว่า กูเกิลประกาศสนับสนุน AllVid เต็มที่ ให้เดา นี่มันเป็นการ liberate ตัวเนื้อหาออกจาก set-top box ของ cable provider อย่างหนึ่ง
ที่เหลือลองอ่านใน Ars
FCC เปลี่ยนวิธีการตรวจวัด broadband coverage ในสหรัฐใหม่
FCC จะต้องออกรายงาน broadband competitiveness ของสหรัฐเป็นประจำทุกปี
วิธีการตรวจวัดคือเช็คตาม zip code โดยดูว่าบ้าน 1 บ้าน (สุ่มมา) ในเขต zip code นั้นเข้าถึง broadband หรือไม่ ถ้ามีก็ถือว่าเขตนั้นผ่าน ซึ่งเป็นวิธีที่โดนด่ามานานมาก (ตั้งกะ 2006) ว่ามันหยาบสุดๆ
ตอนนี้ FCC ยอมเปลี่ยนวิธีการตรวจวัดแล้ว และยกเกณฑ์นับ broadband จากเดิมขั้นต่ำ 200 Kbps มาเป็น 4 Mbps downlink กับ 1 Mbps uplink
ในแง่ผู้บริโภคและประชาชน เป็นเรื่องดี
แต่มีคนเสียประโยชน์คือ operator เพราะเดิม FCC ตรวจแบบหยาบๆ ทำให้ซุกประเด็นว่าพื้นที่ใดเข้าไม่ถึงบรอดแบนด์ได้ง่าย พอเปลี่ยนปั๊บ operator เลยออกมาโวยวาย ที่น่าสนใจคือคนโวย (ตามแบบสหรัฐ) เป็นวุฒิสมาชิกที่ได้รับการล็อบบี้จาก telco นั่นเอง
สหรัฐเตรียมเรียกคืนคลื่น 500 MHz สำหรับ Wireless Broadband
ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ดันแผน Wireless Broadband สำหรับอเมริกาในอนาคต เพื่อเป็นโครงสร้างพื้นฐานในการสื่อสาร โดยเล็งช่วงคลื่น 500 MHz และสั่งให้หน่วยงานต่างๆ ประชุมเพื่อเรียกคืนความถี่ช่วง 500 MHz มาให้ FCC จัดสรรใหม่
ความน่าสนใจใน Memorandum ของโอบามาคือ วิธีการสั่งให้หน่วยงานด้านความมั่นคงต่างๆ เข้ามาประชุมกับ task force ในการจัดสรรคลื่นใหม่ และวิธีการสั่งงานของระบบราชการสหรัฐ ซึ่งทำให้เราเห็นว่ากระบวนการดำเนินนโยบายต้องผ่านใครบ้าง
The Secretaries of Defense, the Treasury, Transportation, State, the Interior, Agriculture, Energy, and Homeland Security, the Attorney General, the Administrators of the National Aeronautics and Space Administration (NASA) and the Federal Aviation Administration, the Director of National Intelligence, the Commandant of the United States Coast Guard, and the head of any other executive department or agency that is currently authorized to use spectrum shall participate and cooperate fully
ต้นข่าวจาก Ars
ปัญหาเรื่องราคาของบรอดแบนด์ในสหรัฐ
Ending the Internet’s Trench Warfare
บทความใน NYT พูดถึงปัญหาเรื่องราคา broadband ในสหรัฐ ว่าใจความหลักคือตลาดไม่มีการแข่งขันแท้จริง แม้ว่าจะสามารถพัฒนาเรื่องความเร็วได้ แต่ราคาไม่มีทางเข้าถึงประชาชนจำนวนมากได้อย่างในยุโรป (เมื่อเทียบกับค่าครองชีพ)
the source of the access problem: without a major policy shift to increase competition, broadband service in the United States will continue to lag far behind the rest of the developed world.
Affordability is the hard part — because there is no competition pushing down prices. The plan acknowledges that only 15 percent of homes will have a choice in providers, and then only between Verizon’s FiOS fiber-optic network and the local cable company. (AT&T’s “fiber” offering is merely souped-up DSL transmitted partly over its old copper wires, which can’t compete at these higher speeds.) The remaining 85 percent will have no choice at all.
เปรียบเทียบกับประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ
Making such an arrangement work is ultimately a matter of political will. In Japan and many European countries, regulators fought hard to bring existing providers around to open access. They won, and today these countries have more competition, lower prices and higher speeds. Such political will is glaringly absent in the commission’s plan.
leave a comment